7 สิ่งที่ต้องคำนึงถ้าอยากลดน้ำหนักให้สำเร็จ

bizfit ถ้าอยากลดน้ำหนักให้สำเร็จ

เห็นด้วยไหมคะว่า การลดน้ำหนักให้สำเร็จถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ท้าทายมาก และไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ตามที่ตั้งใจไว้ บางคนอาจทำสำเร็จในเวลาไม่นาน ในขณะที่หนทางของบางคนอาจยาวไกลจนทำให้รู้สึกท้อแท้ และอาจถึงขั้นล้มเลิกแผน         ไดเอทไปกลางคัน อย่างไรก็ตาม การที่คุณลดน้ำหนักไม่สำเร็จนั้น ส่วนหนึ่งก็อาจเกิดจากความเข้าใจผิดหรือความผิดพลาดบางอย่างค่ะ ใครที่กำลังท้อแท้กับการลดน้ำหนัก ก็อย่าเพิ่งถอดใจไปเสียก่อน ลองมาดูสิ่งที่ควรคำนึงเพื่อให้การไดเอทประสบความสำเร็จกันดีกว่าค่ะ

1.หลีกเลี่ยงการตั้งเป้าหมายที่เกินจริง

คนเรามักจะมีแรงกระตุ้นสูง และมีไฟพร้อมสำหรับการลดน้ำหนักในช่วงแรก ซึ่งบ่อยครั้งที่เป้าหมายที่ตั้งไว้ดูไกลเกินกว่าที่จะทำได้สำเร็จ เมื่อทำไม่ได้ตามที่คิดไว้ ก็อาจรู้สึกหมดไฟ และล้มเลิกการไดเอทในระหว่างทางได้นั่นเอง

ข้อแนะนำ: เริ่มจากการตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ที่คิดว่าตัวเองสามารถทำได้จริง เพราะหากทำสำเร็จ ก็จะยิ่งช่วยเสริมความมั่นใจ และมีแรงกระตุ้นที่จะทำตามเป้าหมายสูงสุดที่ตั้งไว้

2.อย่าอ้างว่าไม่มีเวลา

หนึ่งในอุปสรรคที่ทำให้หลายคนลดน้ำหนักไม่สำเร็จก็คือ การมัวแต่อ้างว่าตัวเองไม่มีเวลา ซึ่งมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า ผู้หญิง 41% บอกว่าตัวเองไม่มีเวลาทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเนื่องจากไม่มีเวลา ในขณะที่ผู้หญิงมากถึง 73% บอกว่าพวกเขาไม่ได้ออกกำลังกาย เพราะตารางงานยุ่งเกินไป อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือ หากคุณต้องการลดน้ำหนักด้วยวิธีที่ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย ก็ควรทำกิจกรรมที่ดีต่อสุขภาพ

ข้อแนะนำ: จัดตารางเวลาสำหรับทำกิจรรมที่ช่วยลดน้ำหนัก โดยจัดให้อยู่ในลำดับความสำคัญแรก ๆ

3.หาคนช่วยสนับสนุน

หากคุณกำลังพยายามลดน้ำหนัก อย่าลืมว่าคุณไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง เพราะเพื่อนและครอบครัวอาจเต็มใจช่วยเหลือคุณตลอดเส้นทางการไดเอท นอกจากนี้คุณอาจเข้าร่วมกลุ่มลดน้ำหนัก หรือกลุ่มที่มีเป้าหมายเดียวกันในโซเชียลมีเดีย

ข้อแนะนำ: ระบุความต้องการของตัวเอง และอาจขอความช่วยเหลือจากคนอื่น นอกจากนี้คุณอาจหาเพื่อนไปออกกำลังกายเพื่อไม่ให้รู้สึกว่าตัวเองกำลังต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว โดยเฉพาะ bizfit program มีคนค่อยดูแลตลอดเส้นทาง ไม่โดดเดี่ยวแน่นอน

4.อย่าคำนึงเฉพาะแคลอรีของอาหาร

การเฝ้าติดตามหรือจดบันทึกอาหารที่ทานในแต่ละวันสามารถเป็นเรื่องยากสำหรับบางคน แต่ก็อย่าลืมว่าคุณควรคำนึงถึงเรื่องอื่น ๆ นอกจากการโฟกัสไปที่การคุมแคลอรีเพียงอย่างเดียว คุณยังต้องควบคุมปริมาณไขมัน โปรตีน ไฟเบอร์ และสารอาหารชนิดอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องได้รับต่อวันเพื่อช่วยควบคุมน้ำหนักและรักษาร่างกายให้แข็งแรง

ข้อแนะนำ: ใช้แอพฯ Food Tracker หรือหากทำอาหารทานเองที่บ้าน ก็อาจใช้เครื่องชั่งอาหารเพื่อที่จะได้รู้ปริมาณของอาหารแต่ละชนิดที่ทาน

5.อย่าแยกอาหารที่ดีและไม่ดีต่อสุขภาพ

มีหลายงานวิจัยพบว่า คนมีแนวโน้มที่จะทานอาหารมากเกินไปเมื่อมองว่าอาหารเหล่านั้นดีต่อสุขภาพ ซึ่งมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งจาก University of Michigan พบว่า เมื่ออาหารมีฉลากระบุว่า “ออร์แกนิก” คนก็จะทานอาหารมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญ ที่ควรตระหนักคือ อะไรที่มากเกินไปก็ไม่ดีต่อร่างกายทั้งนั้นค่ะ และอย่าลืมอ่านข้อมูลโภชนาการที่ด้านหลังของผลิตภัณฑ์เพื่อประเมินสารอาหารที่คุณจะได้รับ

ข้อแนะนำ: พยายามยึดทางสายกลาง และจำไว้ว่าแม้แต่อาหารที่ดีต่อสุขภาพก็อาจมีแคลอรีหรือไขมันมาก เช่น อะโวคาโดอุดมไปด้วยไขมันชนิดดี แต่ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้ที่มีแคลอรีสูงมาก

6.หลีกเลี่ยงการนั่งทั้งวัน

Non-exercise activity thermogenesis หรือ NEAT เป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่ได้เป็นการออกกำลังกายที่คุณทำอยู่ทุกวัน โดยคิดเป็นประมาณ 15-30% ของการเผาผลาญแคลอรีทั้งหมด หากคุณใช้เวลาไปกับการนั่งหรือนอนทั้งวัน แคลอรีที่เผาผลาญได้จาก NEAT จะไม่ได้มากเท่ากับเมื่อคุณใช้เวลาเคลื่อนไหวตลอดทั้งวัน

ข้อแนะนำ: คุณสามารถเผาผลาญแคลอรีโดยไม่ต้องออกกำลังกาย แต่ให้ทำ NEAT ตลอดทั้งวันแทน เช่น หากคุณต้องทำงานที่นั่งประจำที่โต๊ะ ก็ให้ลุกขึ้นเดินทุกชั่วโมง คุณอาจเดินไปเข้าห้องน้ำอีกชั้น เติมน้ำ เดินไปธุระต่างแผนก หรือใช้บันไดแทนลิฟท์

7.ระวังเรื่องการทานอาหารชดเชยหลังออกกำลังกาย

การรู้สึกหิวหลังจากออกกำลังกายถือเป็นเรื่องปกติ แต่หนึ่งในข้อผิดพลาดของการลดน้ำหนักที่พบได้บ่อยที่สุดคือ การทานขนมและของหวานตามใจปากเพื่อเป็นรางวัลสำหรับการออกกำลังกาย ซึ่งการทำเช่นนี้อาจทำให้น้ำหนักกลับมาเพิ่มขึ้นได้ในที่สุด

ข้อแนะนำ: ทานขนมที่ดีต่อสุขภาพ และมีแคลอรีต่ำทันทีหลังจากออกกำลังกาย รวมถึงทานโปรตีนแบบปลอดมันและคาร์โบไฮเดรตชนิดดีเพื่อให้หายหิว และช่วยชดเชยสารอาหารที่สูญเสียไปในระหว่างนั้น